เมนู

โชตสมาทหนสิกขาบทที่ 6


ในสิกขาบทที่ 6 มีวินิจฉัยดังนี้:-

[ แก้อรรถบางปาฐะเกี่ยวกับ การจุดไฟผิง]


คำว่า ภัคคะ นี้ เป็นชื่อของชนบท. คำว่า สุงสุมารคีระ เป็นชื่อ
ของเมือง. คำว่า เภสกลาวัน เป็นชื่อแห่งป่าที่อาศัยเมืองนั้น (วนอุทยาน
ที่ตั้งอยู่ใกล้เมืองนั้น). ก็ป่านั้นเรียกว่า มฤคทายะ เพราะเป็นที่พระราชทาน
อภัยแก่พวกเนื้อ เพื่อต้องการให้อยู่สบาย.
บทว่า สมาทหิตฺวา คือ ให้ลุกโพลงขึ้น.
บทว่า ปริปาเตสิ คือ ไล่ติดตามไป.
ในคำว่า สยํ สมาทหติ นี้ มีวินิจฉัยว่า เริ่มแต่จุดไม้สีไฟด้วย
ความประสงค์จะก่อไฟไป จนกระทั่งถึงเปลวไฟยังไม่ลุกขึ้น เป็นทุกกฏ ทุก ๆ
ประโยค.
บทว่า ปทีเปปิ คือ ในการตามประทีปก็ดี.
บทว่า โชติเกปิ ได้แก่ การก่อไฟในกิจมีการระบมบาตร และอบตัว
เป็นต้นก็ดี.
บทว่า ตถารูปปจฺจยา คือ มีการตามประทีปเป็นต้นเป็นปัจจัย.
สองบทว่า ปฏิลาตํ อุกฺขิปติ มีความว่า ภิกษุยกดุ้นฟืนที่กำลัง
ติดไฟ ซึ่งตกลงไปขึ้นมา อธิบายว่า ยกวางไว้ในที่เดิมอีก เมื่อภิกษุหยิบ
ดุ้นฟืนที่ไฟยังไม่ดับอย่างนี้ ใส่ลงไปเท่านั้น เป็นทุกกฏ แต่เป็นปาจิตตีย์แท้
แก่ภิกษุผู้ก่อไฟฟืนที่ไฟดับแล้วให้ลุกอีก.

บทว่า ตถารูปปจฺจยา ได้แก่ ไม่เป็นอาบัติแก่ภิกษุผู้ติดไฟ เพราะ
ปัจจัยเห็นปานนั้นแม้อย่างอื่น เว้นการตามประทีปเป็นต้นเสีย.
บทว่า อาปทาสุ มีความว่า มีอันตรายเพราะถูกงูกัด ถูกโจรล้อม
เนื้อร้ายและอมนุษย์ขัดขวาง ไม่เป็นอาบัติแม้แก่ภิกษุผู้ติดไฟในเพราะอุปัทวะ
นั้น บทที่เหลือตื้นทั้งนั้น.
สิกขาบทนี้ มีสมุฎฐาน 6 เป็นกิริยา โนสัญญาวิโมกข์ อจิตตกะ
ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม วจีกรรม มีจิต 3 นีเวทนา 3 ดังนี้แล.
โชติสมาทหนสิกขาบทที่ 6 จบ

สุราปานวรรค สิกขาบทที่ 7


เรื่องพระเจ้าพิมพิสาร


[610] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน-
วิหาร อันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้ง
นั้นภิกษุพากันสรงน้ำอยู่ในแม่น้ำตโปทา ขณะนั้นแล พระเจ้าพิมพิสารจอม-
ทัพแห่งมคธรัฐเสด็จไปสู่แม่น้ำตโปทา ด้วยพระราชประสงค์จะทรงสนาน
พระเศียรเกล้าแล้วประทับพักรออยู่ในที่ควรแห่งหนึ่ง ด้วยตั้งพระทัยว่า จัก
สรงสนานต่อเมื่อพระคุณเจ้าสรงน้ำเสร็จ ภิกษุทั้งหลายได้สรงน้ำอยู่จนถึง
เวลาพลบ ดังนั้นท้าวเธอจึงทรงสนานพระเศียรเกล้าในเวลาพลบค่ำ เมื่อประตู
พระนครปิด จำต้องประทับแรมอยู่นอกพระนคร แล้วเสด็จเข้าเฝ้าพระผู้มี
พระภาคเจ้าแต่เช้า ทั้ง ๆ ที่เครื่องประทินทรงยังคงปรากฏอยู่ ถวายบังคม
พระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วประทับเหนือราชอาสน์ อันสมควรส่วนข้างหนึ่ง.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามท้าวเธอผู้นั่งประทับเรียบร้อยแล้วว่า ดู
ก่อนมหาบพิตร พระองค์เสด็จมาแต่เช้า ทั้งเครื่องวิเลปนะที่ทรงยังคงปรากฏ
อยู่ เพื่อพระราชประสงค์อะไร.
จึงท้าวเธอกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระะผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ทรงชี้แจงให้ท้าว
เธอทรงเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา ครั้นท้าวเธอ
อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วย
ธรรมีกถาแล้วเสด็จลุกจากที่ประทับ ทรงอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ทำ
ประทักษิณแล้วเสด็จกลับ.